“นี่ ตื่นได้แล้ว สายแล้ว” มือสวยเขย่าคนที่ซุกอยู่ใต้ผ้าห่มหนา เพื่อปลุกให้ตื่น เสียงประท้วงดังมาจากผ้าห่มนวมที่คลุมคนตัวใหญ่อยู่ทั้งตัว
“ถ้าไม่ตื่นจะปิดฮีทเตอร์แล้วนะ” คนที่นั่งอยู่ปลายเตียงขู่ จอมประท้วงเด้งตัวลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
“นั่นมันแผนฆาตกรรมชัด ๆ” เสียงพึมพำแหบแห้งหลังจากตื่นนอน ร่างโปร่งลุกขึ้น รินน้ำใส่แก้ว ก่อนจะยื่นให้คนหัวยุ่งจากการตื่นนอนที่ยังนั่งอยู่บนเตียง
“ไปล้างหน้าล้างตา เปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้ว จะได้ไปตัดต้นคริสต์มาสกัน” คิมนัมจุนพยักหน้าหงึก ค่อย ๆ ดื่มน้ำอย่างระมัดระวัง
“หนาวชะมัด”
“เมื่อคืนนอนตีกี่น่ะ” จองโฮซอกถาม
“ตี2แล้วมั้ง พิมพ์ต่อไม่ไหวก็ลงมานอน” นัมจุนตอบ
“ระวังจะไม่สบายเอา”
“แล้วนายกลับมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่” นัมจุนถามกลับ
“ตี 5 แต่หิมะตกหนักก็เลยแวะนอนบ้านแม่ก่อน เข้าบ้านมาสักชั่วโมงนึงได้มั้ง คิดว่านายคงนอนดึกก็เลยไม่ปลุก แต่นี่จะเที่ยงแล้ว เดี๋ยวจะทำอย่างอื่นไม่ทันเอา” คิมนัมจุนเพ่งสายตาไปที่นาฬิกาที่แขวนอยู่ปลายที่นอน บอกเวลาใกล้เที่ยงตามที่อีกคนบอก ถอนหายใจแผ่วเบา ลุกขึ้นยืน นำแก้วน้ำวางไว้ที่เดิม มองคนที่นั่งไขว้ห้างอยู่ปลายที่นอนของเขา
“จอดรถไว้ตรงไหนน่ะ หิมะตรงขนาดนั้นคงขับเข้ามาไม่ได้ใช่ไหม”
“อืม จอดไว้ระหว่างโรงเรียนเก่ากับโบสถ์น่ะ”
“จอดไว้ตั้งไกลแหน่ะ”
“จริง ๆ ก็ขี้เกียจขับเข้ามา ถ้าขับเข้ามาก็ต้องเอาไปจอดที่อื่นอยู่ดี บ้านข้าง ๆ จอดรถล้ำมาหน้าบ้านเราอีกแล้ว”
“ฉันไม่ได้ขับรถ นายไม่อยู่หลายวัน ไม่มีคนเอารถเข้า-ออก ก็คงคิดว่าจอดขวางได้ล่ะมั้ง”
“เดี๋ยวค่อยแจ้งทางหมู่บ้านให้มาจัดการก็ได้ ไม่เป็นไรหรอก” จองโฮซอกบอก ตัดจบบทสนทนาก่อนที่อีกฝ่ายจะบ่นมากกว่าเดิม
“LAเป็นยังไงบ้าง” คนที่ยืนอยู่เอ่ยถาม
“อุ่นกว่าที่นี่เยอะเลย” นัมจุนพยักหน้า มองคนที่ไม่ได้เจอกันมาหลายสัปดาห์
“ไปแต่งตัวได้แล้ว เดี๋ยวลงไปอุ่นอะไรให้กิน” จองโฮซอกลุกขึ้นยืน ทำท่าจะเดินออกไป ก่อนจะรู้สึกได้ถึงจมูกโด่งที่คลอเคลียข้างหู ไล่มาถึงแก้มนวล
“You owe me first snow kiss, baby” เสียงทุ้มต่ำกระซิบบอก โฮซอกหัวเราะกับเรื่องติดค้างนั้น
“ทบไปกับคริสมาสต์เลยก็แล้วกัน”
“สัญญาแล้วนะ”
“ไม่ผิดคำพูดแน่นอน”
อากาศช่วงเที่ยงอุ่นขึ้น พวกเขาขับรถผ่านบ้านคนที่เรียงกันเป็นแถวไปทางด้านหลังของหมู่บ้าน ตรงหน้าของพวกเขาตอนนี้เป็นฟาร์มต้นไพน์ขนาดใหญ่ ที่ใคร ๆ ก็สามารถเข้าไปตัดได้ จ่ายเงินตามจำนวนที่ตนสะดวก
“ทำไมเราถึงไม่ใช้ต้นคริสต์มาสสำเร็จรูปกันนะ” คนตัวสูงบ่นอุบอิบคนเดียว
“ปีก่อน ๆ ใครกันนะที่เป็นคนพูดว่าแบบนั้นมันไม่ได้อารมณ์” จองโฮซอกย้อนกลับ นึกถึงคำพูดเมื่อเก้าปีของคนที่คะยั้นคะยอให้เขาพาไปหาต้นสนจริง ๆ เพื่อมาทำต้นคริสต์มาส สมัยที่ยังคงอยู่ในอพาร์ตเมนต์หลังเล็ก ๆ ในเมืองใหญ่
“จะอยู่ตัดด้วยกันไปเรื่อย ๆ ใช่ไหม” นัมจุนถาม
“ก็คงต้องเป็นอย่างนั้น”
“ถ้าอย่างนั้นก็อยู่ตัดต้นไพน์ไปด้วยกันเรื่อย ๆ จนถึงอายุ70เลยนะโฮป” จองโฮซอกยิ้ม
“ตอนนั้นคงไม่มีแรงออกมาตัดแล้วมั้ง”
“แต่ก็จะยังอยู่ด้วยกันใช่ไหม”
“จะทิ้งไปไหนได้ลงล่ะ รถยังต้องขับให้อยู่เลย” คนที่บังคับพวงมาลัยตอบ
“ก็ตัวเองนั่นแหละที่ไม่ยอมให้ขับ” น้ำเสียงของคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ออกจะไปในทางตัดพ้อ
“แล้วมันน่าให้ขับไหมล่ะ แค่ตอนฝึกก็ชนกรวยมั่วซั่วไปหมด” คิมนัมจุนยักไหล่
“ไม่อยากลงเหรอ” โฮซอกพูดปนหัวเราะเมื่อหันมาเห็นคนที่ทำหน้าตาเบื่อหน่ายมองไปยังฟาร์มต้นคริสต์มาสที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ
“เบื่อฤดูนี้ชะมัด”
“ก็อย่างนี้ไงล่ะ ใคร ๆ ก็เลยบอกว่านายน่ะเป็นหมี” นัมจุนเบะปาก หยิบถุงมือหนาขึ้นมาสวม เปิดประตูรถSUVลงย่ำบนพื้นหญ้าที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ
“นึกถึงคริสต์มาสที่ไม่มีนายแล้วก็หงอยเลยแฮะ” คนตัวสูงพูดเบา ๆ
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องคิด” แขนของคนที่สวมแพดดิ้งที่เทาสอดเข้ามาคล้องแขนของเขาเอาไว้ เดินผ่านต้นไพน์ที่ถูกปกคลุมด้วยละอองน้ำแข็งขาวโพลน
“ต้นนี้มันไม่ดูเบี้ยวไปหน่อยเหรอ” โฮซอกพูดเมื่อนัมจุนหยุดอยู่ที่ต้นไพน์ที่ดูไม่สมส่วน
“อืม มันก็ดูไม่สมส่วนเท่าไหร่ แต่คงไม่มีใครเอาแล้วล่ะมั้ง ตรงนู้นคนเยอะแยะ ไม่อยากเดินเข้าไปลึกแล้วอะ ไปตกแต่งก็คงสวยเอง”
“งั้นตัดเลยนะ” คนสูงกว่าพยักหน้า มองคนที่ถือเลื่อยก้มลงไปตัดบริเวณลำต้น เขาเคยตัดมันในปีแรกที่มาด้วยกัน ไม่รู้ว่าเป็นที่เลื่อยไม่ดี หรือเขาเซ่อซ่า แทนที่บริเวณลำต้นจะล้มลง กลายเป็นเลื่อยคันธนูที่นำมาตัดหักเป็นสองท่อน โชคดีที่ไม่มีอะไรอันตรายเกิดขึ้น หลังจากนั้นหน้าที่นี้จึงตกเป็นของจองโฮซอกไปโดยปริยาย
“เย็นนี้ไปซื้อเครื่องประดับเพิ่มกันไหม” คิมนัมจุนถามคนที่กำลังจัดต้นไพน์ไว้บริเวณมุมห้อง
“เอาสิ นายมีไปทำธุระด้วยไม่ใช่เหรอ”
“รู้ได้ไงอะ”
“เขียนติดไว้ที่ปฏิทินตัวเบ้อเริ่มเทิ่ม จะไม่รู้ได้ยังไง” นัมจุนหันไปทางบริเวณที่ปฏิทินติดอยู่ ก็อย่างที่อีกฝ่ายว่าปฏิทินที่เปิดไว้ที่หน้าสุดท้ายของปีซึ่งเป็นกิจของเขาแทบจะทั้งหมด
“มีคนช่วยสังเกตนี่ดีจังน้า” โฮซอกยิ้ม เดินเข้ามาใกล้เขาที่นั่งอยู่บนโซฟา
“ผมยาวแบบนี้แล้วดูดีนะเนี่ยเรา” มือเรียวสางผมที่พักจากการย้อมเบา ๆ
“ไม่ได้สระมากี่วันแล้วเนี่ย” โฮซอกยังคงสางไปมา พูดด้วยน้ำเสียงติดตลก
“สองวันเอง ก็มันหนาวนี่นา” นัมจุนตอบ เอนรับความอบอุ่นที่เลื่อนมาประคองแก้มเขาไว้เบา ๆ
“ขึ้นไปข้างบนกัน เดี๋ยวสระให้ แล้วจะได้ออกไปซื้อของ”
“สีอะไรดี ขาวหรือทอง” โฮซอกถามขณะที่เราหยุดอยู่หน้าลูกบอลประดับ
“ขาวดีไหม ปีนี้เน้นสีขาว ๆ น่าจะน่ารักดี อีกอย่างสีทองที่บ้านก็มีแล้ว” คนที่ถือตะกร้าอยู่พยักหน้า หยิบมันลงตะกร้าเบา ๆ
“เหมือนนายเลย” นัมจุนชี้ที่ห้อยตกแต่งจากเซรามิกรูปกระรอก
“นี่ก็เหมือนนาย” จองโฮซอกชี้ของตกแต่งรูปหมีที่อยู่ใกล้ ๆ กัน
“งั้นก็เอาทั้งสองแบบเลย”
“ดีจัง มากับคนรวย” โฮซอกทำหน้าทำตาน่าขัน ก่อนจะหยิบทั้งสองชิ้นลงตะกร้าที่ตัวเองถืออยู่
“ปีนี้ต้องจัดดินเนอร์ที่บ้านเราไม่ใช่เหรอ” โฮซอกถามเจ้าของบ้านที่ยังคงเดินเลือกของตกแต่งต้นคริสต์มาสไปเรื่อย ๆ
“เดี๋ยวแม่ก็จัดการเรื่องอาหารเองแหละ ไม่ต้องกังวลหรอกนา” นัมจุนตอบ
“แต่เราก็ต้องจัดโต๊ะดินเนอร์อยู่ดีนี่นา ถูกไหม” คิมนัมจุนพยักหน้าเบา ๆ พลางนึกถึงสิ่งที่ต้องเตรียม
“คิดแล้วก็มีเยอะแยะเลยแฮะ จานชามก็คงต้องซื้อใหม่ ของขวัญของหลาน ๆ กลับบ้านไปลิสต์ของก่อนดีไหม ค่อยออกมาใหม่วันหลัง” เขาได้ยินเสียงคนข้างตัวหัวเราะเบา ๆ
“วันนี้โฮปหัวเราะบ่อยจัง”
“ก็นายตลกนี่นา พอนึกถึงจานชามก็ยิ่งขำเข้าไปใหญ่ มีบ้านไหนบ้างล่ะที่มีจานชามไว้ไม่กี่ชุด แถมยังแทบจะไม่มีแบบกระเบื้องเลย คงมีแต่บ้านเราล่ะมั้ง” คิมนัมจุนยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้
“ไม่ค่อยระวังก็อย่าซื้อเลย เสียดายเงิน”
“หมายถึงฉันเหรอที่ไม่ระวัง?” โฮซอกย้อนถาม
“หมายถึงฉันนี่แหละ” เสียงหัวเราะสดใสดังทั่วโซนของตกแต่งต้นคริสต์มาสอย่าง จนคนที่อยู่แถวนั้นหันมามอง โฮซอกเม้มปากพร้อมค้อมศีรษะลงต่ำ แก้มขึ้นสีแดงอย่างรวดเร็ว
“นายนี่มันจริง ๆ เลยนะโฮซอกอา”
เรากลับมาที่บ้าน รถของคนข้างบ้านที่ขวางอยู่เลื่อนออกไปแล้ว หิมะที่เต็มถนนช่วงเช้าถูกทางเทศบาลมาจัดการออกไปให้สัญจรได้ง่ายขึ้น ทิ้งตัวลงบนโซฟาหน้าโทรทัศน์ เปิดขนมที่ซื้อมา เลื่อนหาหนังในเน็ตฟลิกซ์อยู่สักพัก จบที่Home Aloneสักภาคที่เราสุ่มเอา เราดูมันทุกช่วงฮอลิเดย์ปลายปี ก่อนจะลุกขึ้นมาจัดต้นคริสต์มาสที่ดูไม่สมส่วนนั้น เราเถียงกันว่าจะแขวนของตกแต่งชิ้นนั้นไว้ตรงไหนให้ต้นคริสต์มาสดูสมส่วน และจับฉลากว่าใครจะได้เป็นคนสวมดาวไว้บนยอด และก็เป็นนัมจุนอยู่ดี ยังคงเป็นคิมนัมจุนที่ได้นำดาวไปปักไว้บนยอด นั่นคือความลับข้อนึงของจองโฮซอก ในโถจับฉลากที่มีกระดาษอยู่สิบใบนั้น เป็นชื่อนัมจุนอยู่เก้าใบ และอีกใบเป็นใบฟรี หากจับได้จะได้เลือกว่าจะปักเองหรือจะให้อีกคน มีปีหนึ่งที่เขาจับได้มัน สุดท้ายเขาก็ยกให้คนที่เกลียดฤดูหนาวเข้าไส้อยู่ดี คงเพราะมันเป็นความสุขเล็ก ๆ ในช่วงนี้ของอีกฝ่าย เขาเลยเลือกที่จะยกมันให้อีกคนไป
วันก่อนคริสต์มาสอีกวุ่นวายกว่าวันอื่น ๆ แม่ของเขาโทรมาบอกรายการของของที่ต้องเตรียมในการทำดินเนอร์เนื่องจากตนไม่สะดวกออกไปซุปเปอร์มาร์เก็ต เรายังไม่ได้เตรียมของที่ต้องใช้จัดโต๊ะอาหาร รถเข็นสองคันจึงเต็มไปด้วยสิ่งของตามรายการ กลับมาช่วยกันเตรียมโต๊ะอาหารให้เรียบร้อย เช้าวันคริสต์มาสอีฟค่อนข้างวุ่นวาย ครอบครัวของทั้งสองบ้านเริ่มมาช่วยกันจัดแจง เด็กน้อยวัยซนวิ่งเล่นบนลานหน้าบ้านอย่างไม่สนใจหิมะที่ตกลงมา คริสต์มาสดินเนอร์เริ่มขึ้น เราพูดคุยและแลกเปลี่ยนเรื่องต่าง ๆ ใต้แสงเทียน ความหนาวคลายลงเมื่อความอบอุ่นของครอบครัวเข้ามาแทนที่
“นายชอบบ้านหลังนี้ไหม” นัมจุนถามคนที่นั่งอยู่ข้างกันขณะที่คนอื่น ๆ ช่วยกันเก็บโต๊ะจนเสร็จและย้ายไปที่ห้องรับแขก มองตาอีกฝ่ายที่สะท้อนแสงเทียนซึ่งวูบไหวตามสายลม
“ชอบสิ ทำไมจะไม่ชอบล่ะ” โฮซอกตอบอย่างซื่อสัตย์
“ชอบเวลาที่อยู่ด้วยกันไหม” นัมจุนถามต่อ
“ก็ชอบเหมือนกัน ถึงจะต้องเอาใจมากเป็นพิเศษช่วงฤดูหนาวก็เถอะ”
“ถ้าจะเป็นแบบนี้ไปอีกนานเลย โฮปจะโอเคไหม” จองโฮซอกเงียบ ฟังคนที่เริ่มพูดต่อ
“ปีนั้นที่ไม่มีนายมันค่อนข้างจะ อืม เหมือนจะจำศีลจริง ๆ เลยแฮะ จนตอนนี้ก็รู้สึกว่าถูกเอาในจนชินแล้ว”
“เลิกพูดถึงคริสต์มาสปีนั้นได้แล้ว จะว่าไปเราก็นับรวมปีนั้นไปกับทุก ๆ ปีนี่นา ถึงจะ…”
“จะแยกกันอยู่น่ะ”
โฮซอกพูดถึงคริสต์มาสปีที่4ของเรา ที่เกิดปัญหาขึ้นจนช่วยกันแก้ไม่ได้ พวกเขาจึงต้องห่างหายกันไปจัดการปัญหาของตัวเอง โฮซอกกลับไปอยู่ที่บ้านแม่ และนัมจุนอยู่ที่บ้านหลังนี้คนเดียวในฤดูหนาวปีนั้น
“เรื่องมันผ่านมาตั้ง5ปีแล้วนะ อย่าไปซีเรียสเลยนา ฉันรู้นะที่นายซึม ๆ ช่วงก่อนหน้านี้เพราะกลัวฉันจะไม่กลับมาอยู่ด้วยช่วงฮอลิเดย์น่ะ จนกลับมาแล้วก็ยังคอตก หูพับไม่หาย” คิมนัมจุนยิ้ม
“ก็แสดงว่าโอเคกับทุกอย่างเลยใช่ไหม” ตาเรียวยังคงจ้องคนที่นั่งอยู่ข้างกัน ภายใต้แสงเทียน และฤดูหนาวที่เยือกเย็น โฮซอกยังคงเปล่งปลั่งและอบอุ่นเสมอ
“ทำsurvey วันคริสต์มาสอยู่หรือไงพ่อคุณ” โฮซอกพูดติดตลก “ทุกช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันก็ดีทั้งหมด” นัมจุนพยักหน้าเบา ๆ หยิบของที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อฮู้ดของตนเองออกมา
“ถ้าอย่างนั้น แหวนวงนี้ล่ะดีไหม” จองโฮซอกมองกล่องกำมะหยี่เล็ก เขาเลิกคิ้ว แล้วยิ้มออกมาเมื่อเห็นแหวนทองคำขาวที่กว้างสัก 4 mm. ฝังเพชรเม็ดเล็ก ๆ ไว้ตรงกลาง
“สวย เลือกเก่งจังนะเรา” ลักยิ้มเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นบนแก้มนวล ตาทรงอัลมอนด์มองนัมจุนที่อยู่ในที่คาดผมกวางเรนเดียร์ที่เขาขอให้ใส่อย่างไม่วางตา คนตัวใหญ่กว่าไม่กล้าสบตาเขา เลื่อนมือมาจับมือซ้ายของเขาอย่างแผ่วเบา
“จะอยู่ด้วยกันทั้งยามทุกข์และสุขเลยใช่ไหม” โฮซอกหลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ กับคำพูดของอีกฝ่าย
“นั่นมันต้องเป็นบทของบาทหลวงไม่ใช่เหรอ” คิมนัมจุนยิ้มพร้อมเม้มปากอย่างประหม่า
“ก็ไม่อยากรอคำตอบถึงตอนนั้นนี่นา” โฮซอกยิ้ม ยื่นมือมาลูบกลุ่มผมของอีกคนเบา ๆ
“ครับ” นัมจุนเลิกคิ้วเล็กน้อย
“คือคำตอบของคำถามที่นายถามไง” โฮซอกบอก คิมนัมจุนยิ้ม
“ถ้าอย่างนั้นขอสวมแหวนวงนี้ ให้มันอยู่บนนิ้วนางข้างซ้ายของนายไปตลอดเลยได้หรือเปล่า” คิมนัมจุนถามต่อ
“เอาสิ” จองโฮซอกตอบ แหวนเงินเย็น ๆ ถูกสวมลงบนนิ้วของเขาอย่างใจเย็น คนที่สวมให้ยกมือเล็กขึ้นมา ประทับจูบอุ่น ๆ ลงไป
“นี่เป็นการขอแต่งงานใช่ไหม น่ารักดีแฮะ” จองโฮซอกเท้าคางกับโต๊ะไม้ มองคนที่ไม่กล้าสบตาเขาสักที คิมนัมจุนเขินอย่างเห็นชัด เขาลุกขึ้นยืน เดินเข้าไปชิดคนที่ยังคงนั่งอยู่ โน้มตัวลงช้า ๆ กดจูบลงบนหน้าผากอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา
“คงใจตรงกันล่ะมั้ง ฉันก็มีแหวนที่อยากจะให้นายใส่ติดตัวตลอดจะให้เหมือนกัน” นัมจุนช้อนตามองคนที่ยืนอยู่ มองแหวนเงินเกลี้ยงที่ถูกเอาออกมาจากกระเป๋ากางเกงของอีกฝ่าย
“แบบนี้เรียกใจตรงกันได้ไหมนะ” คิมนัมจุนถามคนที่กำลังสวมแหวนให้เขา
“เลี่ยนจังแฮะ” โฮซอกหัวเราะ ขณะที่อีกฝ่ายยืนเต็มความสูง เสียงเพลงแครอลดังมาจากห้องรับแขก
“จูบได้ไหม” ร่างสูงโน้มตัวลงกระซิบข้างหู
“ติดอยู่หลายจูบเลยไม่ใช่เหรอเรา”
“นายต่างหากที่ติดฉันอยู่” โฮซอกเบะปาก มองตาคนที่สูงกว่าตนเล็กน้อย ตาเรียวดั่งมังกรอย่างที่ใคร ๆ ว่าดูอ่อนโยน นัมจุนโน้มตัวลงมาใกล้ ใต้ความอ่อนโยนยังคงแฝงความตั้งใจและมุ่งมั่น หากแต่ก็ดูประหม่า ประหม่ากว่าทุก ๆ ครั้งในรอบเก้าปี เหมือนครั้งแรกที่เราจูบกัน โฮซอกไม่รีรอคนที่อ้อยอิ่ง เป็นฝ่ายเริ่มประกบปากของตนลงก่อน มือซุกเข้าผมยาวของอีกฝ่ายที่เขาชอบมากกว่าสิ่งใด แขนทั้งสองของนัมจุนโอบเขาเอาไว้ หน้าผากเราแนบชิดเมื่อผละริมฝีปากออกจากกัน
สำหรับคิมนัมจุนแล้ว ความอบอุ่นของจองโฮซอกในฤดูหนาวนั้นอบอุ่นมากกว่าเตาผิงใด ๆ บนโลกใบนี้
—————————————————
พันคริสต์มาสไปหลายวันมาก ๆ แล้ว แต่พล็อตนี้มาช่วงคริสต์มาส เลยตั้งใจอยากจะเขียนไว้ในส.ค.ส.ปีใหม่ ขอบคุณทุกคนมาก ๆ นะคะ เราอยากเน้นบทสนทนาเยอะ ๆ อาจจะบรรยายห้วน ๆ ไปหน่อย อยากพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ หรือต่าง ๆ สามารถทักDMมาได้ทั้งสองแอคเคาท์ หรือ #ธิณาarchives ก็ได้ค่ะ ขอให้2021เป็นปีที่ดีของทุกคนนะคะ ❣️


♥️♥️♥️♥️♥️💐
ตอบลบ